วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เจ้ากรรมนายเวร

       เจ้ากรรมนายเวรของเราเกิดจากมาจากการกระทำกรรมที่ ไม่ดี (อกุศล) ของเรา   ที่ทำกับคู่กรณีของเรา   มีด้วยกัน ๒ ทาง ด้วยกันคือการกระทำกรรมทางกายและทางวาจา ไม่ว่าการกระทำกรรมหรือการ ประกอบกรรมของเรานั้นจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม  ถ้าหากการกระทำนั้นเป็นการเบียดเบียนคนอื่นๆสัตว์อื่นๆ ให้เดือดร้อนทุกข์ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจก็ตาม   นั่นแหละผลกรรมไม่ดี   กรรมชั่ว   อกุศลกรรมและเจ้ากรรมนายเวรได้ เริ่มเกิดขึ้นแล้ว   จะต้องผลัดกันให้ผลต่อกันและกันข้ามภพข้าม ชาติต่อไปไม่มีวันจบสิ้น   ถ้าหากไม่มีการอโหสิกรรมต่อกัน หรือตัดกรรม - แก้กรรม   เจ้ากรรมนายเวรจะส่งผลให้เราเจ็บป่วย ตั้งแต่เล็กๆน้อยๆไปจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว   จะหนักหรือเบาก็ อยู่ที่แรงอาฆาต   แรงพยาบาท   ขนาดของว่าสัตว์ตัวเล็กหรือ ตัวใหญ่   ตัวใหญ่จะมีแรงอาฆาตมาก   ก็จะเจ็บป่วยเป็นโรคที่ รักษาให้หายได้ยาก   อยู่อย่างทรมาน       สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตไป สัตว์เล็กก็จะเบาลง เช่น มด   ยุง   แมลง แมลงสาบ ฯลฯ.   แต่สะสมกันมากๆเข้าก็กลายเป็นกรรมหนักได้เช่นกัน   สังเกตุดูเวลาทำสมาธิใกล้ขณะที่จิตจะเข้าภวังค์(นิ่ง) จะคันตามเนื้อตาม ตัวยุ๊บๆยั๊บๆ   พอออกสมาธิก็ไม่เห็นมีอะไร   เจ้ากรรมนายเวรที่ เกิดจากการกระทำของเราโดยตรงแล้ว   ยังมีทางอ้อมอีกเช่น   อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน  ในแต่ละมื้อที่มีส่วน ประกอบของเนื้อสัตว์   เป็นมาอย่างไรในกรณีนี้ ......
                 เมื่อเหล่าเทพ - เทวดา   ได้ดับ (หมดบุญ) แล้วลงมาเกิดเป็นมนุษย์   พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมาเกิดตระกูลที่ร่ำรวย   มีความสุขความ สบาย   บุญกุศลใหม่ไม่ทำเพิ่ม   ใช้แต่บุญเก่ากินบุญเก่า   บุญกุศลลดน้อยลงพอตายจากมนุษย์ชาตินี้   บุญกุศลไม่พอที่จะส่งให้ กลับบ้านเก่า (สวรรค์ชั้นที่มา)   กรรมชั่วก็ไม่มีมากพอที่จส่งไปลง อบายภูมิ ๔   ก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก   แต่ชาตินี้ก็จะทุกข์ ยากลำบากขึ้นอีกเท่าหนึ่งของชาติที่แล้ว   เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนใน ชาติสุดท้ายที่ได้เกิดเป็นมนุษย์   บุญกุศลมีน้อยจนมีพลังส่งผลให้มา เกิดเป็นมนุษย์ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว   แต่กรรมชั่วก็ไม่มีมากพอ ที่จะนำพาไปเกิดที่นรก   เปรตและอสูรกายได้   ก็ต้องมาเกิดเป็น สัตว์ดิรัจฉาน   ตอนที่เป็นมนุษย์ชาติสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ   ผลกรรมที่เคยไปทำกับสัตว์ชนิดไหน   เขาก็จะมาทำให้เห็นเป็น สัตว์ชนิดนั้น (มาทวง) จิตครั้งสุดท้ายก่อนที่จะออกจากร่างก็มีแต่ เรื่องเหล่านี้   ผลกรรมตรงนี้จะนำพาดวงจิตของมนุษย์คนนี้เมื่อ ออกจากร่างกายมนุษย์ที่หยุดทำงานแล้ว (ตาย)ไปอยู่ในร่างใหม่ที่ เกิดจากสัตว์ดิรัจฉาน   เกิดมาเป็นสัตว์ดิรัจฉานแต่จะเป็นจิตดวงเดิม ไม่แตกดับ   พอมาเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานอย่างน้อยก็ ๕๐๐ ชาติ   ถ้าจิตดวงนี้มาเกิดในร่างของหมูชาติแรก  
สัญญาความจำในจิต หมูตัวนี้จะมีความรู้สึกว่าตัวเองนะเป็นมนุษย์  สังเกตุดูสัตว์บาง ตัวจะรู้ประสาพอๆกับมนุษย์เลยทีเดียว   พอหมูตัวนี้ถูกฆ่าจิตก็ จะเกิดมีความอาฆาตพยาบาท   คนที่ร่วมขบวนการฆ่าก็ได้รับกรรมมาก ตามสัดส่วน   ส่วนใครที่รับประทานเนื้อหมูตัวนี้   ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน   ก็รับเศษกรรมไป   เป็นกรรมที่ไม่ได้เจตนาเป็นเศษกรรม จากอาหาร   พอหมูตัวนี้เกิดหลายๆชาติเข้าความจำในภพชาติที่ เป็นมนุษย์ก็จะหมดไป   ใครรับประทานเข้าไปอีกก็ไม่มีผล อะไร   แต่เราจะรู้ได้อย่างไรละว่า   เนื้อหรือสัตว์ที่เรารับประทานเข้าไป แล้วนี่   ตัวไหนเป็นตัวที่มันเกิดมาแล้วหลายชาติหรือเป็นตัวที่ เพิ่งเกิดชาติแรกจากการดับจากมนุษย์ ......
               วันหนึ่งอาจารย์ได้ไปซื้อกระเพาะหมูสดๆที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดมา ๑ ชิ้น   เพื่อจะมาลองล้างทำความสะอาด   แล้วปรุงตามสูตรที่ ได้เรียนรู้มา   เพื่อเอาไปใช้เป็นเครื่องในต้มเลือดหมูใบตำลึง   ที่อาจารย์เปิดร้านและทำขายคู่กับโจ๊กฮ่องกงและโจ๊กหมู   หลังจากทำเสร็จแล้วในตอนกลางวัน   พอตอนเย็นหลังไหว้พระสวดมนต์ เสร็จ   ก็นั่งสมาธิต่อ   ก็เห็นกระเพาะหมูสดที่เราทำเมื่อ ตอนกลางวันเกิดขึ้น   สลับกับกระเพาะที่เราต้มสุกแล้วอยู่อย่างนี้   ต่อจากนั้นก็เห็นเป็นหน้าหมูส่วนหัว   ก็ทำการช่วยเหลือเขาจนร่าง เขากลายเป็นกายทิพย์ของนมุษย์และจนกลายเป็นเทวดา   หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับเขา   เขาเล่าว่า   " เขาเป็นคนจังหวัดชัยนาท   มีอาชีพเขียงหมู   ฆ่าหมูขายอยู่ในตัวตลาดชัยนาท   หลังจากดื่มเหล้ากับเพื่อนๆแล้วได้เสียชีวิตตอนหลัง (ไม่ ได้ถามว่าเป็นอะไรตาย) แล้วมาเกิดเป็นหมูตัวนี้   เพิ่งถูกฆ่าเมื่อคืน   ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร?   พอดีเห็นอาจารย์ผู้ชาย(สามี) เดินผ่านมา   ดูแล้วน่าจะช่วยเราได้   ก็เลยเรียกเข้ามาซื้อแล้วให้ หยิบเอากะเพาะนี้มา   อาจารย์ทั้งสองช่วยไปบอกพ่อกับแม่ที่ ชัยนาทหน่อย   ให้เลิกอาชีพฆ่าหมูขายเสีย "   อาจารย์บอกเขาไปว่า " ก็ไปเข้าฝันบอกเอาเองซิ   ตอนนี้เป็นเทวดามีฤทธิ์แล้ว นี่  อาจารย์ไม่รู้จักอีกอย่างไกลด้วย  ไปบอกเอาเองนะ "   เขาก็พูดต่ออีกว่า   " ขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองที่ได้ชี้ทางและช่วย เหลือในครั้งนี้   ท่านทั้งสองต้องการอะไร? "   อาจารย์ก็ตอบไป ว่า   " ไม่ต้องการอะไร?"  เขาก็ตอบกลับมาอีกว่า  "ขอให้อาจารย์ ทั้งสองจงมีบารมีสูงขึ้นๆนะ"   อาจารย์ทั้งสองก็ยกมือสาธุรับพรจาก เขาเพราะเขาเป็นเทวดาแล้ว (ได้รับกรรมฐาน)   ก่อนที่เขาจะจากไปเขาก็หันไปกราบที่โต๊ะหมู่บูชาและก็หันมากราบสม เด็จพระพุฒาจารย์โต   ที่นั่งอยู่ใกล้ๆอาจารย์ชาย   แล้วเขาก็หายไป......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น