วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แมวเจ้ากรรม

                                           

แมวเจ้ากรรม

แมวเจ้ากรรม
โดย...ผู้จัดการออนไลน์

ดิฉันมีโอกาสได้รู้จักสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง
ที่เดินจูงมือกันมาเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ผู้เป็นสามีเล่าให้ฟังว่าเหตุที่เขากับภรรยาต้องมา
ขอเข้าปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน
ก็เนื่องจากทั้งคู่มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงมาก
เหมือนๆ กับศีรษะจะแตก แยกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ
รวมทั้งร่างกายหลังไหล่ก็เจ็บปวดรวดร้าว
เหมือนกับถูกตี ถูกฟาดอย่างรุนแรง
ได้รับทุกขเวทนาเหลือเกิน กินไม่ได้นอนไม่หลับ
รักษาหมดเงินทองไปมากมายก็ไม่หายสักที
มีแต่ทุเลาลงเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น

ในที่สุดก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่รับรู้ถึงความทุกข์ทรมาน
ของสองสามีภรรยาคู่นี้ จึงแนะนำให้ทั้งคู่ทดลอง
เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน บางทีอาจจะหายก็ได้
ดังนั้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะดีไปกว่านี้
ทั้งสองจึง ปรึกษาหารือกันและตกลงใจ
ที่จะพากันมาเข้าปฏิบัติธรรม
จากการปฏิบัติที่เคร่งครัดตามขั้นตอนจนครบ
จบหลักสูตร 7 คืน 8 วันฝ่ายสามีก็ได้รับรู้
ถึงสาเหตุของอาการปวดศีรษะ
ที่แทบจะแตกแยกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
ว่ามันเป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่เขาทั้งสองคน
ต้องชดใช้ในชาตินี้นั่นเอง ซึ่งเขาได้เล่าให้ฟังว่า

เขามีบ้านพักอาศัยอยู่นอกเมือง
แต่ทว่ามาดำเนิน ธุรกิจเปิดบริษัทดำเนินกิจการ
อยู่บริเวณแถวๆ เสาชิงช้า
เย็นลงก็พากันขับรถกลับบ้าน
รุ่งขึ้นก็ขับรถมาทำงาน เป็นอย่างนี้ประจำ

วันหนึ่งทั้งสองคนเกิดต้องเดินทางไปทำกิจธุระ
ที่ต่างจังหวัดประมาณ 3 วัน พอถึงวันเดินทางกลับ
เมื่อไปถึงที่ทำงานและเปิดประตูห้องทำงาน
ซึ่งเป็นห้องกระจกที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ก็ต้องตกใจเพราะพบว่าสิ่งของเครื่องใช้
กระดาษต่างๆ กระจุยกระจายยับเยินตกอยู่กับพื้น
พร้อมกับมีกลิ่นอุจจาระ ปัสสาวะแมวฟุ้งตลบ
ทั้งคู่เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า
กัดฟันกรอด ด้วยความโกรธจัด

สาเหตุที่เกิดขึ้น ก็เพราะบังเอิญได้ขังแมวตัวหนึ่ง
เอาไว้ในห้องนั้นโดยไม่รู้มาก่อน ถึง 3 - 4 วัน
ฝ่ายเจ้าแมว เมื่อถูกขังไว้ในนั้น
ไม่สามารถออกมาข้างนอกได้
ต้องอดทั้งข้าว อดทั้งน้ำ
จึงพยายามดิ้นรนช่วยตัวเองเต็มที่
เพื่อจะหาทางออกให้ได้
และคงจะคิดเอาเองตามประสาแมวว่า
ถ้าหากทำลายสิ่งกีดขวางที่วางไว้ให้ราบเตียนหมดแล้ว
ก็คงจะพบช่องทางออกแน่ๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ

ข้างฝ่ายสองสามีภรรยา เมื่อรู้ว่าแมว คือ ตัวการ
ก็พากันค้นหาจนพบว่ามันนอนหมอบอยู่ใต้โต๊ะตัวหนึ่ง
สามีจึงบอกให้ภรรยาช่วยกันจับแมวเอาไว้
ฝ่ายแมว ดูเหมือนจะรู้ตัว
หรืออาจจะเป็นสัญชาตญาณของการ ป้องกันตัวเอง
มันจึงวิ่งหนีสุดชีวิต วิ่งวนเวียนไปมาอยู่ในห้องนั่นเอง
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง
ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถจับแมวเจ้ากรรมตัวนั้นได้
และด้วยความเหน็ดเหนื่อยจนแทบขาดใจ
ทำให้ความโกรธและความโมโหทวีขึ้นเป็นเท่าตัว !!

ดังนั้น เมื่อช่วยกันดักจับตัวได้
ด้วยอารมณ์โมโห และโกรธแค้นถึงขีดสุด
ทั้งสองช่วยกันจับสองขาหลังของเจ้าแมว
ฟาดกับฝาห้องอย่างเต็มที่โดยไม่ยั้งมือ
จนกระทั่งเจ้าแมวหัวแตก หัวแบะ
เลือดอาบ มันสมองไหล และตายคาที่
ข้างฝ่ายสามีซึ่งยังโกรธ ไม่หาย
และยังรู้สึกว่าไม่หนำใจ ก็จับแมวขึ้นฟาดอีก
แบบไม่นับ ทั้งๆ ที่เจ้าแมวก็ตายไปแล้ว
สักพักใหญ่ๆ เมื่ออารมณ์ค่อยสงบนิ่งลงแล้ว
ทั้งสองจึงจัดการนำซากศพแมวไปทิ้ง
และทำความสะอาดห้องทำงานใหม่

วันเวลาผ่านไปสองสามีภรรยา
ก็ลืมเรื่องแมวเจ้ากรรมเสียสนิท
แต่ไม่นานวันหนึ่ง รถเก๋งที่เคยขับพากันมาทำงานนั้น
เกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ และต้องเอาเข้าอู่ซ่อม
ทั้งคู่จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์มาแทน
โดยสามีเป็นผู้ขับพาภรรยาซ้อนท้ายมา

ขณะที่ขับมาด้วยความเร็วสูงนั้น
เขากำลังจี้ท้ายรถ บรรทุกเหล็กเส้น
มาอย่างกระชั้นชิด แต่ด้วยสาเหตุใด ไม่ทราบได้
รถบรรทุกเหล็กเส้นเกิดเบรกกะทันหัน
ทำให้รถจักรยานยนต์ที่เขาขับมา
พุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุกเต็มแรง
จนทั้งคู่อาการสาหัส ฝ่ายสามีนั้นอาการหนัก
เพราะเหล็กพุ่งเสียบหน้าอกเส้นหนึ่ง
ศีรษะแตกแบะ แยกออกมา เห็นมันสมอง
ร่างกายก็ถลอกปอกเปิกยับเยิน ไส้พุงทะลัก

จนทุกคนที่เห็นสภาพบอกว่าไม่มีทางรอดแน่ๆ
แต่เดชะบุญที่ชะตายังไม่ขาด เหล็กที่เสียบนั้น
จึงไม่ถูกที่สำคัญ แพทย์จึงสามารถ
ผ่าตัดช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ส่วนภรรยาก็หัวแบะ
เย็บหลายเข็ม รวมทั้งบาดเจ็บตามร่างกาย
ทั้งสองต้องนอนรักษาตัวอยู่ ในโรงพยาบาล
นานเป็นเดือนๆ จนขาดรายได้
ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนไม่น้อย

เวลาผ่านไปเกือบปี สภาพร่างกายก็ค่อยๆคืนสู่ปกติ
แต่ทว่าสิ่งที่ยังคงอยู่ก็คืออาการปวดศีรษะ
ที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน โดยปวดร้าวไปทั่วทั้งใบหน้า
รักษาอย่างไร ก็ไม่หาย เพียงแค่ทุเลาลงบ้างเท่านั้น

และนี่คือกฎแห่งกรรมที่เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยา
อันเนื่องมาจากการทำร้ายและฆ่าแมวอย่างโหดเหี้ยม
ทารุณ โดยขาดความเมตตา ความสำนึก
และความยั้งคิดใดๆ เพราะเมื่อทั้งสองช่วยกัน
จับสองขาหลังของแมวฟาดกับฝาห้องสุดแรง
แมวย่อมจะตื่นตกใจกลัว และบาดเจ็บทุกข์ทรมาน
จนกระทั่งหัวแบะมันสมองไหลตายคาที่
แค่นั้นยังไม่หนำใจยังทำทารุณซากของแมวต่อ !!

การทำทารุณกรรมต่อแมวให้
ได้รับความเจ็บปวดจนตายนั้น
ทำให้ทั้งคู่ต้องชดใช้หนี้กรรมอย่างรุนแรง
และรวดเร็ว !! แต่ยังดีที่สองสามีภรรยา
คงจะทำบุญสร้างกุศลไว้บ้าง
และชะตายังไม่ถึงฆาต
จึงรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ในคราวนั้น
แต่ก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการปวดศีรษะ
อย่างรุนแรงไม่หาย ทนทุกข์ทรมาน
มาเป็นแรมปี

บัดนี้ สองสามีภรรยาได้สำนึกแล้วว่า
บาปกรรมมีจริงกฎแห่งกรรมเป็นกฎที่หนีไม่พ้น
ทั้งคู่จึงหันกลับมา สร้างแต่บุญกุศล
ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
ขออโหสิกรรมต่อเจ้าแมวตัวนั้นทุกวัน
รวมทั้งพากันรักษาศีล ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
และเจียดรายได้ส่วนหนึ่งสมทบเป็นเจ้าภาพ
เลี้ยงอาหารผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเป็นประจำ
ทุกวันนี้อาการปวดศีรษะก็ค่อยๆ น้อยลงๆ เป็นลำดับ
ทำให้ทั้งสองคนต่างก็มีความสุขมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น